ลบ แก้ไข

6 ข้อเท็จจริงสำคัญเกี่ยวกับเที่ยวบิน MH370 ของมาเลย์

6 ข้อเท็จจริงสำคัญเกี่ยว


ข้อเท็จจริงข้อแรก เครื่องบินโบอิ้ง 777 เพื่อการพาณิชย์ทุกลำติดตั้งกล่องดำที่ทนทานต่อแรงระเบิด โดยกล่องดำนี้บันทึกข้อมูลการบินในรูปแบบสัญญาณดิจิตอล ซึ่งรวมถึงข้อมูลการควบคุมเครื่องเหนือผืนดิน และการสนทนาในห้องนักบิน
       
ข้อเท็จจริงข้อที่ 2 กล่องดำทุกๆ กล่องสามารถส่งสัญญาณระบุตำแหน่งของตนเอง อย่างน้อย 30 วันนับจากที่ตกลงกลางทะเล แต่ดูเหมือนกล่องดำของเที่ยวบิน MH370 ไม่ส่งสัญญาณใดๆ ให้ตรวจจับได้เลย ซึ่งเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า โครงสร้างกล่องดำสามารถทนทานต่อแรงระเบิดได้ จึงอาจสันนิษฐานได้ว่า กล่องดำอาจหายไป, รวน, หรือถูกทำลายไม่เหลือซากด้วยพลังที่ทรงอานุภาพเหนือจินตนาการของวิศวกรผู้ ออกแบบเครื่องบิน
       
ข้อเท็จจริงข้อที่ 3 คือ ชิ้นส่วนมากมายของเครื่องบินเวลานี้เป็นสิ่งที่ลอยน้ำได้ ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์ในอดีตหลายๆ เหตุการณ์ที่เครื่องบินถูกทำลายเหนือมหาสมุทรหรือตกลงในมหาสมุทร แต่มักมีเศษซากชิ้นส่วน เป็นต้นว่า เบาะที่นั่ง ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ซึ่งค้นหาได้ไม่ยาก ทว่าการที่เวลาผ่านไปหลายวันโดยยังไม่พบซากชิ้นส่วน MH370 เลย จึงยิ่งเพิ่มปริศนาว่า เหตุใดเครื่องบินลำนี้จึงดูเหมือนหายไปจากโลกเฉยๆ

ข้อเท็จจริงข้อที่ 4 หากมีการยิงขีปนาวุธโจมตีทำให้เที่ยวบิน MH370 ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนไม่สามารถหาพบ ขีปนาวุธดังกล่าวก็จะต้องทิ้งสัญญาณให้เรดาร์ตรวจจับได้
นอกจากนั้น ขณะนี้ยังไม่มีขีปนาวุธใดๆ เท่าที่ทราบกัน ซึ่งสามารถทำลายเครื่องบินให้กลายเป็นจุลได้
       
ข้อเท็จจริงข้อที่ 5 ตำแหน่งแห่งที่เมื่อตอนที่เครื่องบินลำนี้สูญหายไป ไม่ได้เป็นปริศนาลึกลับอะไรเลย
     กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศมีข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่ง ระดับความสูง และความเร็วของเครื่องบิน ในวินาทีที่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สามารถนำมาคำนวณเพื่อค้นหาซากเครื่องบินได้ในกรณีที่ เครื่องบินตกหรือระเบิด ทว่า การที่ถึงวันนี้ยังไม่พบชิ้นส่วนใดๆ จึงไม่มีใครรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับ MH370 กันแน่
       
ข้อเท็จจริงข้อที่ 6 ถ้าหากเที่ยวบิน MH370 ถูกจี้ ก็ไม่มีทางที่สัญญาณของมันจะหายวับไปจากจอเรดาร์ เพราะถึงแม้ตัวอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณของเครื่องบินถูกปิด แต่เรดาร์ภาคพื้นดินยังสามารถติดตามตำแหน่งของเครื่องบินโดยใช้เรดาร์ที่ เรียกกันว่า “แพสสีฟ” (ระบบเรดาร์ภาคพื้นดินที่ปล่อยสัญญาณและติดตามการสะท้อนกลับ) ได้

จากข้อเท็จจริงเหล่านี้ ทำให้บรรณาธิการของเนเจอรัลนิวส์ สรุปแบบกำปั้นทุบดินว่า M370 ไม่ได้ถูกจี้ ไม่เช่นนั้นเรดาร์คงตรวจจับสัญญาณได้แล้ว และไม่ได้ระเบิดกลางอากาศ เพราะยังไม่มีซากชิ้นส่วนโผล่มาให้เห็นเลย
       
    แต่เครื่องบินลำนี้หายวับไปเฉยๆ ด้วยวิธีบางอย่างซึ่งเรายังไม่เข้าใจในเวลานี้ และนี่เองเป็นที่มาของทฤษฎีหลุดโลกมากมายในเน็ต เป็นต้นว่า มีการทดสอบอาวุธยุทโธปกรณ์ลับ, ปรากฏการณ์ช่องว่างกาลเวลาแบบสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา หรือกระทั่งเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวที่เคลื่อนย้ายสสารของเครื่องบินออก นอกโลก
       
    คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ การที่ยังไม่พบซากเครื่องบินเป็นเพราะชิ้นส่วนไปตกในพื้นที่นอกเขตการค้นหา ทว่า ยิ่งเวลาผ่านไป คำอธิบายนี้ยิ่งมีน้ำหนักเบาลงไปเรื่อยๆ
       
    แอดัมส์ ทิ้งท้ายว่า ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของเรื่องนี้ไม่ใช่การค้นพบซากเครื่องบิน และยืนยันว่ามันประสบโศกนาฏกรรมแล้วจริงๆ หากแต่เป็นในทางตรงข้าม นั่นคือ เราค้นไม่พบซากของมันเลย เนื่องจากหมายความว่ามีพลังรูปแบบใหม่ที่ลึกลับและทรงอานุภาพบนโลกใบนี้ที่ สามารถผลักเครื่องบินตกจากฟ้าโดยไม่ทิ้งเบาะแสใดๆ ไว้เลย
       
    และหากมีอาวุธที่ทรงอานุภาพขนาดนั้นก็เท่ากับว่า บุคคลหรือองค์กรใดก็ตามที่ควบคุมอาวุธนั้นมีความสามารถครอบครองโลกด้วยอาวุธ ที่ทรงพลังจนไม่อาจจินตนาการได้ เรื่องนี้ฟังดูน่ากลัวกว่ามากมายนัก เมื่อเทียบกับความคิดที่ว่าเครื่องบินตกเนื่องจากเกิดความขัดข้องทางเทคนิค

คลิป เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์,MH 370 หายไปจากเรดาร์

เรื่องเล่าเช้านี้ หนุ่มอิตาลีโผล่ภูเก็ต ยันไม่ได้โดยสารหลังมีรายชื่อในเที่ยวบินมาเลย์


 

เรียบเรียงโดย KERO uAsean.com
เนื้อหาอ้างอิงจาก  manager.co.th

 

เกี่ยวกับประเทศ

 

Editor Bow
ชม 36,858 ครั้ง
 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน Developed By Upbean ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการให้บริการ